ธนาคาร กรุง ไทย สินเชื่อ รถยนต์

ธนาคาร กรุง ไทย สินเชื่อ รถยนต์ เรื่องจริงที่ไม่มีใครบอก

เมื่อพูดถึงธนาคารที่มั่นคงและน่าเชื่อถือ ชื่อของ “ธนาคารกรุงไทย” (Krungthai Bank – KTB) มักจะเป็นชื่อแรกๆ ที่คนไทยนึกถึง ด้วยภาพลักษณ์ของธนาคารรัฐวิสาหกิจที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน ทำให้เมื่อมีความต้องการทางการเงิน โดยเฉพาะเรื่องใหญ่อย่าง “สินเชื่อรถยนต์” หลายคนจึงเริ่มต้นค้นหาด้วยคำว่า “ธนาคาร กรุง ไทย สินเชื่อ รถยนต์” แต่แล้วความสับสนก็บังเกิด… ผลการค้นหาส่วนใหญ่กลับพาคุณไปเจอผลิตภัณฑ์ที่ชื่อว่า “กรุงไทย รถแลกเงิน” หรือบางครั้งก็เจอชื่อบริษัท “กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง (KTB Leasing)” โผล่ขึ้นมา จนเกิดเป็นคำถามสำคัญที่ไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจนได้ว่า:

  • “ตกลงแล้ว… ฉันสามารถเดินเข้าไปที่สาขาธนาคารกรุงไทย เพื่อขอกู้เงินซื้อรถใหม่ป้ายแดงได้โดยตรงเลยหรือไม่?”
  • “แล้ว KTB Leasing คือใคร? เกี่ยวอะไรกับธนาคารกรุงไทย?”
  • “สรุปว่ากรุงไทยมีสินเชื่อสำหรับ ‘ซื้อรถ’ หรือมีแค่สินเชื่อสำหรับคน ‘มีรถ’ กันแน่?”

บทความนี้จาก เรา จะเป็น “คู่มือฉบับสมบูรณ์” เพียงฉบับเดียวที่คุณต้องอ่าน เราจะทำหน้าที่เป็นเนวิเกเตอร์ พาคุณไปสำรวจและทำความเข้าใจระบบนิเวศสินเชื่อรถยนต์ทั้งหมดของอาณาจักรกรุงไทย แยกแยะแต่ละผลิตภัณฑ์ให้ชัดเจน เพื่อให้คุณเลือกใช้บริการได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับความต้องการของคุณมากที่สุด

 

 

บทที่ 1: ถอดรหัสโครงสร้าง! ทำความเข้าใจ “กรุงไทย” และ “บริษัทในเครือ”

 

เพื่อไขความสับสนทั้งหมด เราต้องเข้าใจก่อนว่า “อาณาจักรกรุงไทย” ไม่ได้มีแค่ตัวธนาคารเพียงอย่างเดียว แต่มีบริษัทลูกที่เชี่ยวชาญในธุรกิจเฉพาะทางด้วย เปรียบเสมือนครอบครัวใหญ่:

  1. คุณพ่อ (ธนาคารกรุงไทย – KTB): คือธนาคารหลักที่เราคุ้นเคย เป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ของรัฐ ให้บริการทางการเงินครบวงจร เช่น เงินฝาก, สินเชื่อบุคคล, สินเชื่อธุรกิจ, บัตรเครดิต และผลิตภัณฑ์ที่ธนาคารเชี่ยวชาญโดยตรง
  2. ลูกชายคนโต (บริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด – KTBL): คือบริษัทในเครือที่ธนาคารกรุงไทยถือหุ้นใหญ่ ทำหน้าที่เป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” ด้านสินเชื่อเช่าซื้อและลีสซิ่งโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์, เครื่องจักร หรือสินทรัพย์อื่นๆ

ดังนั้น คำตอบแรกที่ชัดเจนที่สุดคือ:

  • ถ้าคุณต้องการ “กู้เงินเพื่อซื้อรถยนต์” (Hire-Purchase): คุณจะต้องใช้บริการของ KTB Leasing (KTBL)
  • ถ้าคุณ “มีรถยนต์เป็นของตัวเองแล้ว” และต้องการเงินก้อน: คุณสามารถใช้บริการ “กรุงไทย รถแลกเงิน” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของ ธนาคารกรุงไทย (KTB) ได้โดยตรง

เมื่อเราเข้าใจภาพใหญ่นี้แล้ว ต่อไปเราจะเจาะลึกไปในแต่ละเส้นทางว่าคุณต้องทำอะไรบ้าง


 

บทที่ 2: เส้นทางที่ 1 – “ฉันต้องการซื้อรถ” การเดินทางของคุณกับ ธนาคาร กรุง ไทย สินเชื่อ รถยนต์

 

นี่คือเส้นทางสำหรับคนที่กำลังจะออกรถใหม่ป้ายแดง หรือซื้อมือสอง และกำลังมองหาไฟแนนซ์

 

KTB Leasing คือใคร?

 

KTB Leasing คือ “แขนขา” ของธนาคารกรุงไทยที่ยื่นออกมาทำตลาดสินเชื่อเช่าซื้อโดยเฉพาะ มีความคล่องตัวและความเชี่ยวชาญในธุรกิจนี้โดยตรง แข่งขันกับผู้เล่นรายใหญ่อื่นๆ ในตลาดอย่างเต็มรูปแบบ

 

ผลิตภัณฑ์หลักของ KTB Leasing:

 

  • สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ (New Car): สำหรับรถป้ายแดงทุกยี่ห้อ
  • สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้ว (Used Car): สำหรับรถมือสอง
  • สินเชื่อรีไฟแนนซ์: สำหรับคนที่ผ่อนรถกับที่อื่นอยู่และต้องการย้ายมาผ่อนต่อกับ KTBL เพื่อลดดอกเบี้ยหรือค่างวด
  • สินเชื่อสำหรับผู้จำหน่ายรถยนต์ (Floor Plan): สินเชื่อสำหรับดีลเลอร์และเต็นท์รถ (การรู้ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่าคุณทำการบ้านมาอย่างดี)

 

กระบวนการขอสินเชื่อกับ KTBL ทำอย่างไร?

 

นี่คือจุดที่คนสับสนมากที่สุด! คุณ “ไม่สามารถ” เดินเข้าไปที่สาขาของธนาคารกรุงไทยเพื่อยื่นขอสินเชื่อเช่าซื้อรถใหม่กับ KTBL ได้โดยตรง แต่กระบวนการที่ถูกต้องคือ:

  1. เริ่มต้นที่โชว์รูมหรือเต็นท์รถ: เมื่อคุณเลือกรถที่ต้องการได้แล้ว ให้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย (เซลล์) ว่าคุณต้องการจัดไฟแนนซ์กับ “KTB Leasing”
  2. เจ้าหน้าที่การเงินของดีลเลอร์ (F&I): จะเป็นผู้ประสานงาน เตรียมเอกสาร และยื่นเรื่องของคุณต่อไปยัง KTB Leasing ให้เอง
  3. การพิจารณาและอนุมัติ: KTB Leasing จะทำการพิจารณาคุณสมบัติและเอกสารของคุณ เมื่ออนุมัติแล้วจึงจะดำเนินการเรื่องสัญญาและจ่ายเงินให้กับดีลเลอร์ต่อไป

 

จุดเด่นและสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ KTB Leasing:

 

  • ความน่าเชื่อถือ: มีความมั่นคงสูงเพราะมีธนาคารกรุงไทยหนุนหลัง
  • เครือข่าย: มีความสัมพันธ์ที่ดีกับดีลเลอร์รถยนต์หลากหลายยี่ห้อ
  • โปรโมชั่น: มักจะมีโปรโมชั่นร่วมกับค่ายรถยนต์ต่างๆ อยู่เสมอ ต้องสอบถามกับทางดีลเลอร์โดยตรง

 

บทที่ 3: เส้นทางที่ 2 – “ฉันมีรถและต้องการเงิน” การเดินทางของคุณกับ “กรุงไทย รถแลกเงิน”

 

นี่คือเส้นทางสำหรับคนที่มีรถยนต์ปลอดภาระเป็นของตัวเอง (ผ่อนหมดแล้ว) และต้องการเปลี่ยนรถให้เป็นเงินก้อน

 

กรุงไทย รถแลกเงิน คืออะไร?

 

มันคือ “สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ” ประเภทหนึ่ง เป็นผลิตภัณฑ์ของ “ธนาคารกรุงไทย” โดยตรง คุณนำเล่มทะเบียนรถยนต์มาเป็นหลักประกันกับธนาคารเพื่อแลกกับเงินก้อน แต่ “รถยังอยู่กับคุณ” สามารถใช้งานได้ตามปกติทุกอย่าง

 

ใครคือกลุ่มเป้าหมาย?

 

  • ผู้ที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ
  • ผู้ที่ต้องการเงินก้อนสำหรับใช้จ่ายฉุกเฉิน, ค่ารักษาพยาบาล
  • ผู้ที่ต้องการปิดหนี้บัตรเครดิตหรือหนี้นอกระบบที่มีดอกเบี้ยสูงกว่า
  • ผู้ที่ต้องการเงินไปรีโนเวทบ้าน, ใช้เพื่อการศึกษา

 

กระบวนการขอสินเชื่อ “กรุงไทย รถแลกเงิน” ทำอย่างไร?

 

เส้นทางนี้แตกต่างจากเส้นทางแรกโดยสิ้นเชิง เพราะคุณสามารถติดต่อกับ ธนาคารกรุงไทย ได้โดยตรง:

  1. ติดต่อธนาคารกรุงไทย: คุณสามารถเดินเข้าไปปรึกษาและยื่นเรื่องได้ที่ สาขาของธนาคารกรุงไทยทั่วประเทศ หรือสมัครผ่านช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์ของธนาคาร
  2. เตรียมเอกสารและรถยนต์: เตรียมเอกสารส่วนตัว, เอกสารแสดงรายได้, และเล่มทะเบียนรถยนต์ตัวจริง
  3. นำรถเข้ารับการประเมิน: ธนาคารจะนัดหมายให้คุณนำรถยนต์ไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสภาพและประเมินราคา
  4. ทำสัญญาและรับเงิน: เมื่ออนุมัติวงเงินแล้ว ก็ทำสัญญาและรับเงินเข้าบัญชีได้เลย

 

จุดเด่นและสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ “กรุงไทย รถแลกเงิน”:

 

  • แบรนด์ที่แข็งแกร่ง: ความเชื่อมั่นในชื่อ “ธนาคารกรุงไทย” ทำให้ลูกค้ารู้สึกปลอดภัย
  • เข้าถึงง่าย: มีสาขารองรับทั่วประเทศ สะดวกต่อการติดต่อ
  • สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้ากรุงไทย: หากคุณเป็นลูกค้าของธนาคารอยู่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ คุณอาจได้รับพิจารณาเงื่อนไขพิเศษ ทั้งในเรื่องวงเงินและอัตราดอกเบี้ย

 

บทที่ 4: เส้นทางลับที่ 3 – ใช้ “สินเชื่ออเนกประสงค์กรุงไทย” ซื้อรถเงินสด!

 

ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่หลายคนอาจไม่เคยนึกถึง คือการขอ “สินเชื่อส่วนบุคคล” หรือ “สินเชื่ออเนกประสงค์” จากธนาคารกรุงไทย เพื่อนำเงินสดก้อนนั้นไปซื้อรถยนต์

 

มันทำงานอย่างไร?

 

คุณยื่นขอสินเชื่อบุคคลกับธนาคารกรุงไทยโดยตรง เมื่อได้รับการอนุมัติ คุณจะได้รับเงินก้อนเข้าบัญชี จากนั้นคุณสามารถนำเงินสดนี้ไปซื้อรถยนต์ (โดยเฉพาะรถมือสองราคาไม่สูง) ได้ทันที

 

ข้อดีของเส้นทางนี้:

 

  • กรรมสิทธิ์เป็นของคุณทันที: เล่มทะเบียนจะเป็นชื่อของคุณ 100% ตั้งแต่วันแรก ไม่ต้องรอผ่อนหมด
  • อำนาจต่อรองสูงสุด: การซื้อด้วยเงินสดทำให้คุณมีอำนาจต่อรองราคากับผู้ขายได้มากกว่า
  • ไม่ยุ่งยากเรื่องเอกสารรถ: กระบวนการขอสินเชื่อจะดูแค่คุณสมบัติของคุณ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับตัวรถ

 

ข้อเสีย (ที่ต้องพิจารณาอย่างหนัก):

 

  • ดอกเบี้ยสูงกว่ามาก: สินเชื่อส่วนบุคคลเป็นสินเชื่อไม่มีหลักประกัน จึงมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์อย่างมีนัยสำคัญ
  • วงเงินอาจไม่พอ: วงเงินอนุมัติขึ้นอยู่กับรายได้ของคุณเท่านั้น (ปกติไม่เกิน 5 เท่า) ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับรถที่คุณต้องการ
  • ระยะเวลาผ่อนสั้นกว่า: มักจะผ่อนได้สูงสุด 5 ปี (60 งวด) ทำให้ค่างวดต่อเดือนสูงกว่าการเช่าซื้อที่ผ่อนได้ถึง 7-8 ปี

เส้นทางนี้เหมาะกับใคร?: เหมาะกับผู้ที่มีรายได้ประจำที่สูงและมั่นคง, มีเครดิตดีเยี่ยม และต้องการซื้อรถมือสองในราคาที่ไม่แพง โดยให้ความสำคัญกับ “กรรมสิทธิ์” มากกว่า “อัตราดอกเบี้ย”

 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) ไขทุกปมเกี่ยวกับสินเชื่อรถยนต์กรุงไทย

 

Q1: สรุปง่ายๆ ถ้าจะ “ซื้อรถใหม่” ต้องไปที่ไหน? กรุงไทย หรือ KTB Leasing? A1: ให้ไปที่ “โชว์รูมรถยนต์” ที่คุณต้องการซื้อ แล้วแจ้งเซลล์ว่าต้องการจัดไฟแนนซ์กับ “KTB Leasing” ครับ ไม่ต้องไปที่สาขาธนาคารกรุงไทย

Q2: ผมเป็นข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ จะได้สิทธิพิเศษอะไรจากกรุงไทยบ้าง? A2: คุณคือกลุ่มลูกค้าคนสำคัญของธนาคารกรุงไทย! สำหรับผลิตภัณฑ์ของธนาคารโดยตรงอย่าง “กรุงไทย รถแลกเงิน” หรือ “สินเชื่ออเนกประสงค์” คุณมีโอกาสสูงมากที่จะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษและเงื่อนไขที่ดีกว่าลูกค้ากลุ่มอื่น ส่วนสินเชื่อเช่าซื้อกับ KTBL ก็อาจมีแคมเปญพิเศษสำหรับกลุ่มข้าราชการเช่นกัน ต้องลองสอบถามเป็นกรณีไปครับ

Q3: ถ้าผ่อนรถกับ KTB Leasing อยู่ แล้วต้องการเงินด่วน ทำอย่างไรได้บ้าง? A3: คุณสามารถทำได้ 2 วิธีหลักๆ คือ 1) ติดต่อ KTB Leasing โดยตรงเพื่อขอ “รีไฟแนนซ์” หรือ 2) หากคุณผ่อนมาได้ระยะหนึ่งจนมูลค่ารถสูงกว่ายอดหนี้พอสมควร คุณสามารถติดต่อ “ธนาคารกรุงไทย” เพื่อขอทำเรื่อง “กรุงไทย รถแลกเงิน” โดยเป็นการปิดบัญชีเก่าที่ KTBL และเริ่มสัญญาใหม่กับ KTB ได้ ซึ่งเป็นเส้นทางที่สะดวกและสมเหตุสมผลมาก

Q4: ดอกเบี้ยระหว่าง “สินเชื่อเช่าซื้อ” ของ KTBL กับ “กรุงไทย รถแลกเงิน” ของ KTB อันไหนถูกกว่า? A4: โดยทั่วไปแล้ว “สินเชื่อเช่าซื้อ” มักจะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า เพราะเป็นสินเชื่อสำหรับรถใหม่หรือรถปีไม่เก่ามากซึ่งความเสี่ยงต่ำกว่า และมีการแข่งขันในตลาดที่สูง ส่วน “รถแลกเงิน” เป็นสินเชื่อสำหรับคนต้องการเงินด่วนและรับรถหลากหลายปีมากกว่า อัตราดอกเบี้ยจึงอาจสูงกว่าเล็กน้อยเพื่อสะท้อนความเสี่ยงครับ

 

บทสรุป: เลือกเส้นทางที่ “ใช่” ใน ธนาคาร กรุง ไทย สินเชื่อ รถยนต์

 

ตอนนี้คุณคงเห็นภาพชัดเจนแล้วว่า ภายใต้คีย์เวิร์ด “ธนาคารกรุงไทย สินเชื่อรถยนต์” นั้น ไม่ได้มีเพียงเส้นทางเดียว แต่มีถึง 3 เส้นทางหลักที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง:

  1. อยากซื้อรถ: มุ่งไปที่ KTB Leasing ผ่านดีลเลอร์รถยนต์
  2. มีรถอยากได้เงิน: เดินเข้า ธนาคารกรุงไทย ถามหา “กรุงไทย รถแลกเงิน”
  3. อยากซื้อรถเงินสด (และรับดอกเบี้ยสูงได้): ปรึกษา “สินเชื่ออเนกประสงค์” ที่ธนาคารกรุงไทย

ความสับสนได้หมดไป เหลือเพียงการตัดสินใจเลือกเส้นทางที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณที่สุด การมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง คือเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการจัดการเรื่องการเงิน

 

 

อ่านบทความเกี่ยวกับสินเชื่อรถกระบะเพิ่มเติมได้ ที่นี่

ข้อมูลเว็บสินเชื่อรถยนต์จากธนาคารแห่งประเทศไทย

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *